25 ระดับความพร้อม..ในการ "สร้างแบรนด์ของคุณ"

1.คุณนิยามผลิตภัณฑ์ของคุณเรียบร้อยแล้ว

หมายความว่า คุณกำหนด Positioning ของสินค้าออกมาได้แล้ว ว่าทำมาเพื่อแก้ปัญหาอะไร ทำมาเพื่อขายให้ใคร
.
จุดยืนของแบรนด์จะเป็นในแนวทางไหน ระบุเป็นคาแร็คเตอร์ที่ชัดเจนได้แล้ว

2.คุณทำการสำรวจและวิจัยทางการตลาดแล้วหรือยัง

คุณมีการสำรวจและวิจัย ก่อนที่จะดำเนินการอย่างอื่น ว่าหากมีผลิตภัณฑ์นี้เกิดขึ้นจะมีคนต้องการมากน้อยเพียงใด
.
หากขั้นตอนนี้หลุดไป ก็มีโอกาสสูงที่คุณจะล้มเหลวได้นะครับ

3.คุณเห็นกลุ่มตลาดที่แน่ชัดแล้ว ระบุได้ว่าจะเจาะตลาดกลุ่มไหน

คุณกำหนดได้ชัดเจนว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือ ตลาดล่าง ตลาดกลาง หรือว่าเป็นตลาดบน หากชัดเจนในข้อนี้แล้ว ข้อต่อไปก็จะทำได้ถูกทางครับ

เฮ้ยแล้วตกลงภาพนี่นี่มันกลุ่มไหน555

4.คุณรู้ว่ากลุ่มตลาดนั้นมีที่ว่างมากพอสำหรับธุรกิจของคุณแล้ว

นอกจากรู้แล้วว่าเป็นตลาดไหนที่คุณเลือก แล้วผลิตภัณฑ์ของคุณมีคู่แข่งเยอะหรือไม่ หากมีมากแล้วเค้าแข็งแกร่งมากกว่าเราขนาดไหน หากแข่งแกร่งมากคุณจะดึงข้อดีหรือความแตกต่างตรงไหนไปสู้กับเค้า
.
หากไม่ดีกว่าหรือไม่ต่างกว่า พื้นที่ตรงนี้ก็ยากที่คุณจะไปขอ Market Share จากคู่แข่ง

5.คุณศึกษาแล้วว่า.. ลักษณะของกลุ่มเป้าหมายของคุณนั้นเป็นคนอย่างไรบ้าง

คุณรู้รึยังว่าจริง ๆ แล้วพฤติกรรมลูกค้าของคุณเป็นอย่างไร
.
หากคุณยังตีกรอบพฤติกรรมลูกค้าของคุณไม่ได้ว่าเป็นคนแบบไหน ไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร สิ่งที่เค้าต้องการคืออะไร ก็ถือว่ายังไม่ผ่านข้อนี้นะครับ

6.คุณรู้แล้วว่าตอนนี้ตลาดที่คุณจะจับยังขาดอะไรบ้าง หรือยังมีความต้องการด้านใดอีก

หากคุณรู้ข้อนี้เรียกว่าคุณมีช่องทางสำหรับวิ่งเข้าไปใกล้ความสำเร็จมากขึ้นไปอีก
.
แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะคู่แข่งของคุณก็เห็นช่องนี้เหมือนกัน ความไวและการตอบโจทย์ลูกค้าจึงจำเป็นต้องมี

7.คุณรู้แล้วว่าผลิตภัณฑ์ของคุณสามารถไปเติมเต็มความต้องการหรือให้สิทธิประโยชน์อื่น ๆ ให้กับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้แน่นอน
.
ต้องบอกมาเป็นข้อ ๆ ให้ได้ว่าข้อดีทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ของคุณมีอะไรบ้าง หากคุณมั่นใจข้อนี้แล้ว ข้อต่อไปเกร็งรอไว้เลยครับ

8.คุณระบุได้ว่าผลิตภัณฑ์ของคุณมีความแตกต่างจากของคู่แข่งยังไงบ้าง

เมื่อผลิตภัณฑ์ของคุณดีแล้ว แล้วยังไงล่ะของคนอื่นก็ดีเหมือนกันไปหมด เผลอ ๆ ราคาจะถูกกว่าของคุณอีก แล้วอะไรคือความต่างที่คุณต้องการนำเสนอล่ะ
.
แล้วความต่างนี้คุณจะเอาชนะคู่แข่งคุณได้รึป่าว อะไรทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้น ตอบข้อนี้ให้ได้ ไม่งั้นไม่ให้ผ่านครับ

9.คุณคำนวณว่ากลุ่มคนที่น่าจะมาเป็นลูกค้านั้นจะใช้จ่ายเท่าไหร่ และจะเริ่มซื้อตอนไหน เรียบร้อยแล้ว

หลังจากผ่านข้อที่คุณสามารถระบุตัวตนลูกค้าของคุณได้ชัดเจนแล้ว คิดว่าเค้าจะสามารถจ่ายให้ผลิตภัณฑ์ของคุณไหวที่เท่าไร
.
แล้วเส้นทางการตัดสินใจของลูกค้าคุณล่ะครับ เค้าจะต้องเจอสื่ออะไรบ้างระหว่างทาง เพื่อให้เค้าเปรียบเทียบและตัดสินใจ ก่อนที่เค้าจะหันมาซื้อสินค้าของคุณ ตอบมาให้ได้ครับ

10.คุณเลือกช่องทางใดที่คุณจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของคุณเรียบร้อยแล้ว เช่น แบบเปิดหน้าร้าน แบบขายออนไลน์ แบบขายผ่านตัวแทนจำหน่าย แบบจำหน่ายในห้างร้านชั้นนำ และแบบขายตรง
.
เลือกแนวทางที่เหมาะกับสินค้าและตัวตนของคุณครับ แต่ละแบบมีข้อดีของมันอยู่
.
ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างเดียว ไม่มีข้อจำกัดในการรับเงินครับ แต่หากคุณเลือกข้อนี้ได้ชัดเจนจะทำให้คุณวางแผนในข้อต่อไปได้ง่ายขึ้น

11.คุณตรวจสอบได้ ว่าส่วนแบ่งทางการตลาดที่คำนวณเอาไว้เป็นไปได้จริงหรือไม่

หลังจากสำรวจตลาดแล้ว คุณมีวิธีไหนในการตรวจสอบว่าที่คุณคิดว่าส่วนแบ่งทางการตลาดที่คุณวาดฝันไว้ มันเป็นไปได้ หากผ่านข้อนี้ได้ คุณมาได้ครึ่งทางแล้วครับ

12.คุณได้มีการให้กลุ่มเป้าหมายทำแบบสอบถาม เพื่อทำให้รู้ว่าพวกเขาชอบผลิตภัณฑ์ของคุณ
.
หยุดมโนทุกสิ่งก่อนครับ มาถึงขั้นตอนนี้ลองทำแบบสอบถามขึ้นมา เพื่อสอบถามกลุ่มเป้าหมายของคุณว่าเค้า “Happy” กับผลิตภัณฑ์ของคุณมากน้อยขนาดไหน
.
ปรับปรุงตอนนี้ทันมั้ย? หากว่าความพึงพอใจมันน้อยจริง ๆ หรือจะล้มเลิกตอนนี้เลย… หากผลิตภัณฑ์ของคุณมันไม่ใช่จริง ๆ
.
แต่ผมเชียร์ให้คุณปรับปรุงและสู้ต่อนะครับ มาขนาดนี้แล้วทำให้ผ่านข้อนี้แล้วไปต่อครับ

13.คุณทดลองวางขายผลิตภัณฑ์ของคุณแล้ว และได้ยอดขายตรงตามที่ประเมินเอาไว้
.
เมื่อความพึงพอใจสินค้ามากในระดับที่คุณพอใจแล้ว ลองตั้งเป้ายอดขายกันเป็นตัวเลขที่ไม่ยากเกินไปสักเดือนมั้ยครับ
.
อ้าว.. รออะไรล่ะครับทดลองวางขายผลิตภัณฑ์ของคุณได้แล้ว หากยังไม่ต้องการลงทุนหน้าร้านใหญ่โต ก็ทดลองโดยออกบูธบ้าง เริ่มขายออนไลน์บ้างก็ได้ครับ
.
แล้วมาดูกันว่ายอดขายเป็นไปตามที่คุณประเมินไว้มั้ย หากเป็นไปตามที่คาดไว้คุณมาถูกทางแล้วครับ

14.คุณทราบว่าผลิตภัณฑ์ของคุณได้รับการตอบรับที่ดี ตามที่คุณวางแผนไว้
.
เมื่อทดลองตลาดมาแล้ว ฟีตแบคดี ๆ ก็จะเริ่มเข้ามาแล้วตามที่คุณคิดไว้
.
แต่.. ถ้ามีฟีตแบคที่ไม่ดีล่ะ คุณมีวิธีแก้ไขรึยัง หากยังอย่าเพิ่งไปไหน แก้ฟีตแบคเหล่านี้ก่อนครับ

15.คุณรู้แล้วว่าผลิตภัณฑ์ของคุณจะถูกผลิตออกมาอย่างไร บรรจุภัณฑ์ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของคุณหรือไม่
.
ภาพลักษณ์ของสินค้าคุณจะไปทางไหน บรรจุภัณฑ์ไม่ใช่เพียงสิ่งที่บรรจุผลิตภัณฑ์ของคุณเท่านั้น มันบ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์คุณ ออกแบบมาให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของคุณ
.
กระบวนการการผลิตก็สำคัญคุณจำเป็นจะต้องรู้มากที่สุดเท่าที่ควรจะรู้ เพราะเป็นสิ่งที่คุณต้องเอาใจใส่ มันคือสิ่งที่คุณจะต้องรับผิดชอบก่อนสินค้าจะถึงมือลูกค้าของคุณ

16.คุณตั้งราคาที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของคุณ
.
เมื่อทดลองตลาด รับฟีตแบคต่าง ๆ มาเรียบร้อยแล้ว เป็นการเหมาะสมที่คุณจะตั้งราคาที่เหมาะสมจริง ๆ ให้กับสินค้าของคุณแล้วครับ ..
.
ราคาที่เหมาะสมสำคัญมาก เพราะหากว่ามันลงตัวทุกอย่าง ทั้งคุณภาพสินค้า ลูกค้าที่พร้อมซื้อ และราคาที่น่าซื้อขาย แล้วก็เข้าใกล้คำว่า “ผลิตภัณฑ์ในฝัน” ของลูกค้าคุณเลยล่ะครับ

17.คุณคำนวณต้นทุนการผลิตที่เหมาะสมได้
.
หลังจากได้ราคาที่เหมาะสมมาแล้ว… ลองกลับมาดูซิว่า ต้นทุนที่เราใช้ และมีส่วนต่างมากเพียงพอมั้ยสำหรับการทำการตลาดให้ปัง
.
หากน้อยเกินไปจะทำอย่างไรให้เหมาะสมล่ะ จะลดต้นทุนส่วนประกอบหรอ ตัดบรรจุภัณฑ์ออกรึป่าว หรือจะขายราคาสูงขึ้น.. แต่คุณเพิ่งได้ราคาที่เหมาะสมมาเองนะ
.
อย่าลืมพวกต้นทุนแฝงนะครับ ข้อต่อไปนี่ล่ะ เกร็งรอไว้เลยมันเยอะแยะมากมายจริง ๆ

18.คุณคำนวณค่าใช้จ่ายเริ่มต้น เช่น ค่าเช่า ค่าน้ำ-ไฟ ไว้เรียบร้อยแล้ว
.
ต้นทุนแฝงเหล่านี้ลูกค้ามองไม่เห็นกับคุณหรอกครับ แต่มันเป็นสิ่งที่คุณต้องแบกรับไปตลอดที่คุณทำธุรกิจนี้
.
แน่นอนมันจะอยู่ในกำไรที่คุณได้มาในแต่ละเดือนด้วย คุณควรแจกแจงมาให้ชัดเจนครับว่ามีค่าอะไรบ้าง เขียนออกมาให้หมด(บางรายคงยาวเป็นหางว่าว) แล้วเอามาคำนวณให้หมดครับว่ากำไรที่แท้จริงที่ได้มา เราได้เท่าไรกันแน่

19.คุณคำนวณผลกำไรที่ควรจะได้ และจะได้ผลกำไรเมื่อไหร่ไว้แล้วเรียบร้อย
.
หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว คุณจะรู้แล้วว่ากำไรคุณมีเท่าไร… นั่นคือกำไรที่คุณพอใจแล้วรึยังครับ แล้วการที่จะขายสินค้าหมด และได้กำไรนั้นเมื่อไรกัน… คุณต้องรู้ให้ได้ ไม่งั้นต้นทุนทั้งหมดคุณจะจมกับการสต็อกสินค้าแน่นอน
.
แถมยังต้องจ่ายค่าอะไรอีกก็ไม่รู้ไปเรื่อย ๆ … หลายคนพังเพราะข้อนี้มาเยอะแล้วครับ สำคัญมากห้ามพลาด

20.คุณรู้ว่าการผลิตผลิตภัณฑ์นี้ จะสามารถสร้างรายได้ที่คุณพอใจให้กับคุณ
.
หลังจากผ่านข้อที่แล้วมา คุณลองประเมินดูครับว่าคุณพอใจกับสิ่งที่ได้มารึยัง ประเมินตัวเองดูในจุดนี้ครับ ว่าจะสู้หรือถอย

21.คุณคำนวณแล้วรู้ว่าจะต้องมีการกู้เงินหรือไม่
.
หากคุณสู้ต่อและมีแนวทางที่ไปได้แน่นอน
.
เมื่อเงินคือสิ่งจำเป็นในการอัดฉีดให้ระบบรันต่อไปได้ หากจำเป็นต้องคิดเรื่องการกู้เงิน คำนวณให้ดีและหาที่ปรึกษาทางการเงินที่ไว้ใจได้ไว้ได้แล้วในขั้นตอนนี้
.
และควรหาที่ปรึกษาทางการตลาดได้แล้วหากกลัวว่าจะต้องมาพลาดเริ่องการหาลูกค้าเข้า เพราะคุณเองมีหลายงานมากมายที่จะต้องบริหารจัดการนะครับ

22.คุณรู้ความเสี่ยงทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น
.
ผ่านมาถึงข้อนี้ถือว่าคุณเก่งมากเลยครับผมยอมรับจริง ๆ สิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องรู้ คือ ความเสี่ยงของปัญหาที่จะเกิดขึ้น
.
จะดีกว่ามั้ยหากคุณมีแนวทางที่ไม่ต้องไปเจอความเสี่ยงต่าง ๆ เอง เรียนรู้จากประสบการณ์ผู้อื่นไปเลย ไม่ต้องเสียเงินเสียทองเสียเวลา ในการเจอปัญหาที่คนอื่นเค้าก็เจอกัน หาที่ปรึกษาดี ๆ สักคนครับ อย่ารอให้ปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นแล้วเราเสียเวลากับมันไป.. ไม่มีประโยชน์เลยจริงๆ

23.คุณเริ่มมีการจ้างพนักงานตำแหน่งต่าง ๆ ที่จำเป็นแล้ว
.
แน่นอนคน ๆ เดียวจะไปทำอะไรได้มากมายขนาดนั้นได้ ถึงทำได้หมดแต่งานที่ออกมาอาจไม่ดีเท่าที่ควร
.
การพิจารณาหาคนมาช่วยทีละตำแหน่งควรจะมีได้แล้ว เพื่อที่คุณจะไปทำในสิ่งที่ถนัดหรือสิ่งที่จำเป็น

24.คุณมีกระบวนการวัดผล และตรวจสอบทุกขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว
.
หลังจากทำมามากมาย ข้อนี้ขอให้คุณมีไว้และทำในทุก ๆ เดือนครับ
.
แผนการดีแค่ไหนย่อมมีช่องโหว่ได้เสมอ หากระบวนการวัดผลในเชิงสถิติและหาแนวทางการตรวจสอบในทุกขั้นตอนให้ได้ ก่อนที่ปัญหาจะใหญ่ลุกลามแล้วแก้ไม่ทัน

25.คุณทำมาครบทุกข้อแล้ว… เหมือนจะประสบความสำเร็จ แต่ยังเหมือนติดกับดักอะไรบางอย่าง
.
ทุกข้อที่ผ่านมาหากทำแล้วยังไม่รู้ว่าตัวเองติดกับดักอะไร ผมบอกเลยครับ ว่าที่ผมนำเสนอมาทั้งหมดเป็นเพียงจุดหนึ่ง ที่จะต่อไปยังอีกอีกจุดหนึ่ง เท่านั้นครับ
.
จริง ๆ แล้วยังมีจุดอื่น ๆ หรือรายละเอียดอื่น ๆ อีกมากมายในการที่จะทำให้แบรนด์ ๆ นึงประสบคามสำเร็จได้
.
ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยากเกินไป
.
คุณผ่านมาถึงขนาดนี้แล้ว