สำหรับผมการตลาดแบบ Personalization ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆอีกต่อไปแล้วนะครับ แต่กำลังกลายเป็นเรื่องใหญ่มากขึ้นทุกนาที เพราะปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเราไม่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งอีกไม่นานธุรกิจของคุณก็อาจจะไม่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคก็ได้ เพื่อให้ตอบโจทย์กับผู้บริโภค ซึ่งผู้บริโภคสมัยนี้ชอบความรู้สึกเป็นคนพิเศษอยู่ตลอดเวลา ทำให้ “Personalized Marketing” หรือ “การตลาดเฉพาะบุคคล” เกิดขึ้นนั่นเองครับ
Personalized Marketing คือ การที่เรานำเสนอสินค้า บริการ และคอนเทนต์ ให้ตรงกับใจของลูกค้าเราให้ได้มากที่สุด โดยที่จะไม่เสนอแบบเดียวกันให้กับทุกคน แต่จะเจาะจงไปที่ความต้องการของลูกค้าแต่ละคนแทน โดยดูจากพฤติกรรมของลูกค้า ผมจะลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพดูนะครับ เช่น เราสามารถจัดทำคอนเทนต์ที่ดึงดูดใจให้ลูกค้าในช่วงเงินเดือนออก หรือ ถ้าในวันเกิดของลูกค้า เราก็สามารถส่งโปรโมชั่นพิเศษให้กับเขา อาจจะไปทางอีเมล หรือข้อความมือถือ ซึ่งมันทำให้ดูว่าเราใส่ใจลูกค้าทำให้เขากลับมาตัดสินใจซื้อสินค้า หรือรับบริการจากเราอีกครั้ง
ฟังไปก็ดูเหมือนจะเป็นเกมเดาใจใช่ไหมครับ เพราะจะรู้พฤติกรรมคนใช้เว็บไซต์ที่อาจจะมีจำนวนมากได้ยังไง แต่เราสามารถนำ AI หรือ Machine Learning มาเก็บและประมวลผลข้อมูลรับรองว่าสามารถช่วยเก็บข้อมูลของลูกค้าให้กับคุณได้แน่นอนครับ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงสนใจที่จะเอากลยุทธ์นี้ไปใช้กับธุรกิจของตัวเองแล้วใช่ไหมครับ แต่ก็คงสงสัยเหมือนกันใช่ไหมครับว่ามันจะเริ่มยังไงดี ลองทำตามที่ผมกำลังจะบอกนี้ได้เลยครับ
เทคนิคปรับเว็บไซต์เพิ่มยอดขาย “ด้วยการรู้ใจลูกค้า” (Personalization)
1.การเริ่มกลยุทธ์ที่ดี ต้องมีข้อมูลลูกค้า
ฐานข้อมูลลูกค้าเป็นสิ่งที่คุณต้องทำการบ้านหนักสักหน่อยในช่วงแรก การสื่อสารของแบรนด์ต่อลูกค้าจะต้องชัดเจน ข้อมูลที่จำเป็นจะต้องได้มาอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น อายุ เพศ ที่อยู่ อีเมล์ การศึกษา พฤติกรรมการใช้สินค้า ผมแนะนำให้ใช้เครื่องมืออย่าง Analytics ช่วยในการดูข้อมูลที่เก็บไว้ และ พฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ดีกว่านะครับ
2.วิเคราะห์ Personal หลักสำคัญตัวพ่อที่ลืมไม่ได้
ต่อมาลองให้สรุปบุคลิก ความคิดและความสนใจของลูกค้าหรือผู้ดูคอนเทนต์ ไลฟ์สไตล์ต่างๆ รวมถึงแรงกระตุ้นในการซื้อของด้วยนะครับ โดยการทำ Buyer Persona ซึ่งเป็นการจำลองกลุ่มลูกค้าสมมติ เพื่อให้คุณสามารถมองเห็นข้อแตกต่างของลูกค้าแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็น อายุ ฐานะ การศึกษา หรือ บุคลิกและความชอบส่วนตัว เพื่อให้สามารถปรับรุงสินค้า หรือวางกลยุทธ์ ธุรกิจของคุณให้มีประสิทธิภาพ จะช่วยเจาะจงพฤติกรรมของลูกค้าอย่างละเอียดเลยทีเดียวครับ
3.เพื่อความพร้อม ต้องทดลองก่อนด้วย
ทดลองทำคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณา เนื้อหา รูปแบบ ขนาด โทน ทิศทางของคอนเทนต์ในแต่ละเว็บเพจ และ สื่อสังคมออนไลน์ แต่คิดไว้เลยว่าไม่ใช่ทุกคนที่ถูกใจคอนเทนต์ หรือ โฆษณาของเราแน่ ๆ เพราะฉะนั้นการทำคอนเทนต์หลากหลายคอนเทนต์ก็จะสามารถช่วยคุณได้นะครับ เพราะมันเป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้เราสามารถเก็บข้อมูลได้ละเอียดขึ้น และข้อมูลที่ละเอียดขึ้นมันก็จะช่วยให้คุณสามารถทำคอนเทนต์ที่โดนในเป้าหมายมากขึ้นนะครับ และอย่าลืมสร้าง Call to action กระตุ้นให้คนมีส่วนร่วม กับคอนเทนต์ด้วย
4.มีทีมครบ พร้อมจบทุกสถานการณ์
การที่เราจะทำคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับแต่ละคน และปล่อยออกไปให้ถูกช่วงถูกเวลา มันจำเป็นที่จะต้องมีทีมงานที่พร้อมและครบ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ฝ่ายการวางแผน หาข้อมูล ดูกลุ่มเป้าหมาย จัดทำคอนเทนต์ ไปจนถึงการปล่อยคอนเทนต์ เพราะฉะนั้นจะดีกว่านะครับถ้าคุณมีทีมงานที่พร้อมจะไปกับคุณ แต่สำหรับคนที่คิดกว่าจะได้ทีมครบสมบูรณ์ก็จะเสียเวลาแย่ ผมว่าการจ้าง Agency ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เข้าท่าเหมือนกันนะครับ เพราะเขามีทั้งทีม และประสบการณ์ คงช่วยคุณได้อีกเยอะเลยทีเดยว
5.จบเป๊ะไม่พัง ต้องใช้พลังของการวัดผล
ดูพฤติกรรมลูกค้าที่เข้ามาเว็บไซต์หรือสื่อสังคมออนไลน์ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงแค่ไหน ตอบรับมากขึ้นหรือน้อยในส่วนของคอนเทนต์ไหน ซึ่งข้อมูลพวกนี้สามารถไปตรวจสอบได้ที่เครื่องมือ Analytics ของ www.analytics.google.com ก็ได้ครับ ซึ่งจะเป็นตัวคอยช่วยเก็บสถิติต่าง ๆ ของคนเข้ามาในเว็บไซต์ ว่าใครเข้ามาในเว็บไซต์ของเราบ้าง เข้ามาจากช่องทางไหน เราก็จะสามารถรู้ได้ว่าคนที่เข้ามาในเว็บไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ของเรามีปฏิสัมพันธ์อย่างไรบ้าง
พอรู้ข้อมูลที่วัดผลแล้ว เราก็สามารถจำแนกกลุ่มลูกค้าได้ละเอียดขึ้น คอนเทนต์ที่จะต้องทดลองต่อไปก็ต้องหลากหลายขึ้น เพราะฉะนั้นการทำ Personalization มันต้องใช้เวลานาน และต้องใช้กำลังคน และที่สำคัญคือไม่ใช่แค่คอนเทนต์เท่านั้นที่เราจะทำ Personalization ได้ เราอาจจะไปประยุกต์ใช้กับการออกแบบตัวสินค้าหรือบริการ คำแนะนำสินค้า หรือการตั้งราคา เพราะแต่ละคนก็ประเมินค้าสินค้าตัวเดียวกันแตกต่างกัน
เป็นยังไงครับ ดูเป็นกลยุทธ์ที่เข้าท่า และคงอยากจะนำไปใช้กับธุรกิจตัวเองบ้างแล้วใช่ไหมครับ แต่ถึงกลยุทธ์จะดียังไง มันก็มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งที่ผมอยากให้คุณระวังกันไว้ด้วย ซึ่งก็เรื่องของการให้ข้อมูลส่วนของลูกค้านั่นเองครับ เพราะการทำกลยุทธ์นี้ ต้องใช้ข้อมูลของลูกค้า และไม่ใช่ทุกข้อมูลที่ลูกค้าอยากให้แบรนด์รู้แล้วเอาไปใช้เป็นข้อมูลวางแผนขายของ ทางที่ดีที่สุดควรใช้ข้อมูลพื้นฐานที่ลูกค้ายอมให้เปิดเผยจะดีกว่านะครับ หรือลูกค้าบางคนก็อาจไม่ชอบที่จะให้ข้อมูลส่วนตัวของตัวเอง แต่ถ้าเป็นการให้สมัครสมาชิกเพื่อรับโปรโมชั่น หรือสะสมแต้ม อาจจะทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกรำคาญใจที่จะให้ข้อมูลคุณก็ได้ครับ
สรุปแล้วกลยุทธ์การตลาดแบบ Personalized Marketing นอกจากจะช่วยให้เราเข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุดแล้ว ยังทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจมากขึ้นอีก และนอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ของลูกค้าให้เชื่อมโยงกับธุรกิจเราอีกต่างหาก ถ้าใครที่กำลังต้องการไอเดียในการจัดการ วางแผนธุรกิจของคุณให้ได้รับผลตอบลัพธ์ที่ดีแล้วล่ะก็ ผมขอแนะนำกลยุทธ์ดีๆแบบนี้ไปปรับใช้ได้เลยครับ รับรองธุรกิจของคุณมีแต่ปัง และไม่มีแป๊ก อย่างแน่นอนครับ
ติดตามเรื่องราวของการตลาดออนไลน์ได้ในช่องทางต่อไปนี้
Web site : https://www.adsidea.net
Facebook : Adsidea ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ สร้างยอดขายง่ายนิดเดียว
Line : http://line.me/ti/p/%40adsidea