แข่งขันสูง เศรษฐกิจไม่ดี แล้วไง? ตลาดความงาม ที่ไม่เคยหยุด
.
มาดู 13 เหตุผล ที่ทำให้ “ตลาดความงามไม่มีวันตาย” กันครับ..
.
สวัสดีครับวันนี้ ADSIDEA จะมาขยี้เรื่อง ” ตลาดเครื่องสำอาง ”
ตลาดที่แข่งกันสุดโหด จากมูลค่าการตลาดกว่าหนึ่งแสนล้านบาท เศรษฐกิจหรือการเมืองจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถฉุดให้ ตลาดเครื่องสำอาง นี้ร่วงลงได้
.
แต่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และผู้บริโภค(ลูกค้า) มองว่าสินค้าในกลุ่มนี้เป็นสินค้าจำเป็นปัจจัย 5 ไปแล้ว และถือเป็นเรื่องปกติถ้าจะพูดว่า ตลาดกลุ่มนี้โตกว่าทุก ๆ ตลาดครับ
1.ลูกค้ายึดติดแบรนด์ดังๆน้อยลง
.
การเติบโตของตลาดกลุ่มความงาม มาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างครับ ไม่ว่าจะเป็น…
– การที่ผู้บริโภคคำนึงถึงบุคลิกภาพของตนเองมากขึ้น
– สินค้ามีนวัตกรรมใหม่ ๆ มากขึ้น
– การเติบโตของสังคมเมืองก็มีส่วน ทำให้ความต้องการในการซื้อมีมากขึ้น
– การเติบโตของ Social Network
– การที่ผู้บริโภคเน้นสินค้าหลากหลายขึ้น โดยยึดติดแบรนด์น้อยลง เน้นคุณภาพและรีวิวซะมากกว่า
2.ทุกแบรนด์พร้อมงัดทุกกลยุทธ์ในการแข่งขัน
.
เหตุผลจากข้อ 1 จะเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจเครื่องสำอางมีการเติบโตไปเรื่อยๆ ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงของแบรนด์ยักใหญ่ 7-8 ราย เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด โดยทุกค่ายต่างต้องทุ่มงบลงทุนในด้านต่างๆ แบบครบวงจร
.
พร้อมงัดกลยุทธ์ในการแข่งขัน ทั้งด้านราคา การตลาด เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่ง ไม่ว่าทั้งแบรนด์ไทยหรือแบรนด์ต่างชาติที่ทะลักเข้ามาช่วงชิงตลาดในไทยครับ
.
นี่ยังไม่รวมแบรนด์สินค้าออนไลน์นะครับ โหดมาก
3.จะ Make Up หรือ Skin Care ก็ไปต่อได้เรื่อยๆ
.
ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์สร้างความงาม (Make up) สวยภายนอกยังมีแนวโน้มเติบโต
.
ขณะเดียวกันกลุ่มผลิตภัณฑ์สร้างความสวยภายใน กลุ่ม skin care ก็กำลังมาแรง และมีการขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ด้วยสินค้าที่หลากหลาย ทำให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกินแคร์ อาทิ ครีมบำรุงผิวหน้า ผิวกาย ครีมกันแดด ครีมลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย รวมไปถึงเวชสำอาง รักษาสิว ฝ้า ในเซกเมนต์ต่างๆ นั้น ตั้งแต่ตลาดบนไปจนถึงตลาดล่าง ล้วนแข่งขันกันอย่างดุเดือด ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาตีตลาดกันอย่างคึกคัก
4.ตลาดบน เน้นหนักด้านสารสกัดจากธรรมชาติ
.
กลุ่มตลาดบน หรือกลุ่มสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูง จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในเทรนด์ที่คล้ายกันครับ โดยเน้นหนักในเรื่องของสารสกัดจากธรรมชาติ 100%
.
รวมถึงผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกส์ ส่วนใหญ่จะมีราคาสูงมาก เพราะผู้ซื้อในกลุ่มนี้มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง จึงแข่งขันกันด้านคุณภาพ ซึ่งผู้บริโภคมีน้อย แต่ว่ามีมูลค่าทางการตลาดสูงครับ
5.ตลาดกลาง เน้นของคุณภาพ
.
ส่วนตลาดกลาง หรือกลุ่มสินค้าที่มีราคาไม่แพงมากแต่ก็ไม่ถึงกับถูกมาก เทรนด์ของสินค้าจะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงาน หรือกลุ่มที่เรียกว่า First Jobber นะครับ เป็นคนที่มีอายุระหว่าง 25-30 ปี มีกำลังซื้อที่ดีอยู่ในระดับกลาง
.
สินค้าที่ออกมาแข่งขันกัน ก็ต่างตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยราคาที่สมเหตุสมผลกับคุณภาพ ปัจจุบันผู้บริโภคกลุ่มนี้ มีอัตราการขยายตัวสูงขึ้นมากครับ
6.ตลาดล่าง เดือด ด้วยคุณภาพและราคา
.
ตลาดล่าง หรือกลุ่มสินค้าที่ราคาไม่แพง ถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มาก แม้คุณภาพและราคาจะอยู่ในระดับล่างก็ตาม แต่สินค้ากลุ่มนี้ก็ยังเป็นที่ต้องการมากนะครับ
.
ถือเป็นฐานผู้บริโภคส่วนใหญ่ของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ การแข่งขันทางการตลาดค่อนข้างสูง เรียกว่าแข่งกันแบบดุเดือดเลยทีเดียวครับ
7.เทรนด์สุขภาพมาคู่กับความงาม
.
ด้วยกระแสด้าน ความสวยทั้งภายนอกและภายใน กระแสความใส่ใจความงามและสุขภาพ ก็กำลังมาแรงเช่นกัน และคาดว่าในอนาคตจะเป็นตลาดใหญ่มากครับ รวมถึงเครื่องสำอางประเภทออแกนิกส์ ก็มาแรงด้วยครับ
8.งานเกาหลี งานญี่ปุ่น งานเคาน์เตอร์แบรนด์ ก็ยังขายได้เสมอ
.
ในไทยกระแสนิยมเทรนด์สินค้าจากเกาหลีก็ยังคงแรงอยู่ แต่ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด หากเทียบกับเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่ากระแสเครื่องสำอางเกาหลีในเมืองไทยได้รับความนิยมถึงขีดสุดนะครับ
.
ซึ่งผลพวงส่วนหนึ่งมาจากดารานักร้องเกาหลี อีกทั้งผู้บริโภคเริ่มคำนึงถึงคุณภาพการดูแลผิวพรรณในระยะยาวมากขึ้น และจากปัจจัยเหล่านี้ทำให้กลุ่มเครื่องสำอางจากประเทศญี่ปุ่นและเคาน์เตอร์แบรนด์จากประเทศแถบยุโรปมีความได้เปรียบมากกว่า
9.รู้มั้ย…ไทยส่งออกเครื่องสำอางอันดับ 1
.
การส่งออกเครื่องสำอางไทยไปต่างประเทศ ก็มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นอันดับหนึ่งในเรื่องเครื่องสำอางในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ย 18% ต่อปี โดยมีมูลค่าตลาดรวม 2.1 แสนล้านบาท
แบ่งเป็น..
.
ตลาดในประเทศ 60%
มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท
.
ตลาดส่งออกอีก 40%
มูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาท
.
คือมันเยอะมากเลยใช่มั้ยครับ
.
การส่งออกเครื่องสำอางของไทยไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนจะอยู่ที่ 37%
– ญี่ปุ่นอยู่ที่ 30% ส่งออกไปยังยุโรป
– ออสเตรเลียอีก 5%
– อื่นๆ อีก 26%
.
และตลาดประเทศจีนเริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆครับ โดยเฉพาะเครื่องสำอางในกลุ่มสมุนไพร ที่ได้รับความนิยมจากคนจีนเป็นจำนวนมากก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องครับ
10.อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ คู่แข่งที่น่ากลัว
.
หากใครติดตามข่าวสารอยู่บ้างนะครับ จะเห็นว่าจากการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558 ที่ผ่านมา ธุรกิจเครื่องสำอางแข่งขันกันรุนแรงอย่างมาก
.
เนื่องจากการค้าที่ไร้พรมแดนโดยประเทศไทยมีคู่แข่งในอาเซียนได้แก่ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ยังคงมีนักลงทุนต่างชาติอีกหลายประเทศที่ต้องการเข้ามาลงทุนใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของไทยที่จะเอื้อต่อการตัดสินใจมากน้อยเพียงใดนะครับ แต่เรื่องค่าแรงก็เป็นปัจจัยนึงที่สำคัญในการตัดสินใจของนักลงทุนกลุ่มนี้ครับ
11.แข่งขันกันหานวัตกรรมใหม่
.
กระแสของธุรกิจความงาม กำลังมาแรงทั่วทุกมุมโลกไม่เว้นแม้แต่เมืองไทยครับ ตลาดธุรกิจความงามในเมืองไทยแข่งขันกันดุเดือด เพื่อให้บริการลูกค้าที่รักสวยรักงาม โดยเฉพาะกลุ่มความงามระดับพรีเมียมที่ต้องหานวัตกรรมใหม่ๆ มาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ได้
.
ธุรกิจทั้งหลายต่างก็ดึงเทรนด์สุขภาพและความงามมาผนวกเข้ากับผลิตภัณฑ์ของตนเอง โดยเกาะกระแสนี้เพื่อหวังเพิ่มยอดขายและยอดซื้อให้โตขึ้นครับ
12.ผลกำไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ขนาดของธุรกิจ”
.
ข้อนี้สำคัญมากสำหรับผู้ที่กำลังจะก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจนี้นะครับ … ผลกำไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ขนาดของธุรกิจ”
.
ธุรกิจความงาม เป็นอุตสาหกรรมที่มีกำไรดี ความสำเร็จขึ้นอยู่กับ “ต้นทุนการผลิต” และ “ผู้ลงทุนจับตลาดกลุ่มไหน” ผมอยากให้คุณโฟกัสสองข้อนี้ให้ได้ครับ
13. ตลาดความงาม ไม่สนใจสถานการณ์
.
ตลาดความงาม ตลาดที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสภาวการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เป็นธุรกิจที่ มีสีสัน มีความสุข มีความสวยงาม ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันที่ดุเดือดเลือดสาดของผู้ประกอบการ ที่เป็นเจ้าของแบรนด์
.
แต่เชื่อเถอะว่าตลาดนี้ไปได้ไกลแน่นอนครับ
.
ทั้ง 13 ข้อที่เล่าให้ฟัง เป็นแรงดึงดูดให้คนเข้ามาทำธุรกิจนี้เพียบนะครับ กว่าคุณจะก้าวข้ามผ่านทะเลเดือดสงครามนางงามแห่งนี้ไปได้ ไม่ง่ายแน่นอน
ให้คำปรึกษาการสร้างแบรนด์ วางแผนบริหารตัวแทนจำหน่าย
และวางแผนการตลาดให้แบรนด์โตอย่างยั่งยืน โตไว ปังเร็ว
วางแผนธุรกิจครบ 360 องศา
1. รับเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้เจ้าของแบรนด์
2. รับเป็นที่ปรึกษาให้โรงงานผลิตเครื่องสำอางอาหารเสริม OEM ODM
(อย่างปล่อยให้ลูกค้าที่ผลิตสินค้ากับคุณโดดเดี่ยวเดียวดาย)
3. รับเทรนการตลาดออนไลน์ให้กับแบรนด์แบบส่วนตัวสุดๆ