5 สาเหตุที่ทำให้โฆษณาของคุณปิดการขายได้ยาก

2. ลูกค้าไม่รู้ว่าซื้อวันนี้ดีกว่าอย่างไร พลาดแล้วเสียอะไร

หากสินค้าคุณเป็นสิ่งที่หาได้ทั่วไป จะทำให้ ปิดการขาย ได้ยาก เพราะซื้อที่ไหนเมื่อไรก็ได้ จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า ถามข้อมูลไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาดูก็ได้ จากนั้นเขาก็หายไปเลย ไม่กลับมาแล้ว 

เพราะฉะนั้นคุณต้อง ทำให้เขารีบตัดสินใจให้ได้ ถ้าหากไม่ซื้อเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ เขาจะพลาดอะไรไป ต้องมีสิ่งที่เร่งรัดการตัดสินใจในเนื้อหาโฆษณาของคุณให้ได้ เช่น ลด 30% 3 วันสุดท้าย ย้ำ 3 วันสุดท้ายเท่านั้น ซื้อสินค้าวันนี้ ส่งฟรี หรือ ราคานี้ เฉพาะวันนี้เท่านั้น เป็นต้น

อีกเทคนิคคือการเล่นกับความรู้สึก บอกไปเลยว่า ถ้าปล่อยปัญหาที่เป็นอยู่ไว้วันนี้ พรุ่งนี้จะเป็นหนักขนาดไหน ลูกค้าไม่ได้สนใจสรรพคุณเขาสนใจว่าซื้อมาแล้วเค้าได้ประโยชน์อะไรมากกว่า ทำให้เนื้อหาโฆษณาเป็นเนื้อหาเพื่อลูกค้ามากที่สุด 

3. ไม่มี Call To Action ก็ไม่เกิด Action

คุณอาจจะเรียบเรียงเนื้อหามานำเสนอสินค้าได้สุดยอดมาก แต่ ตกม้าตาย ปิดการขาย ไม่ได้ในตอนสุดท้าย ไม่บอกให้ชัดว่าต้องทำอะไร เพราะคุณไม่ได้บอกเขาว่า อ่านจบแล้ว ดูจบแล้วต้องทำอะไรต่อ สุดท้ายอ่านจนเขาก็ปล่อยเลยผ่านไป

ผมอยากให้คุณ ทำ Call to action เพื่อให้ social proof ในโฆษณาของคุณ เรียกร้องความสนใจเพื่อที่จะ ให้โฆษณาด้วยจำนวน Comment ตัวอย่างเช่น ใครอยากได้สินค้าให้คอมเมนต์ว่า “สนใจ” “อยากลอง” “กด 1” หรือ คุณมีปัญหาแบบไหน คอมเมนต์ใต้โพสต์นี้เลย เป็นต้น

ใครๆ ก็ดูยอด engagement กันทั้งนั้นครับก่อนจะซื้อสินค้าสักชิ้น ยิ่งเห็นว่าคอมเมนต์เยอะคนยิ่งให้ความสนใจ ลองดูครับ โฆษณาของใครยังไม่มี Call to Action กลับไปใส่เลยครับจะได้

4. ตอบช้าพาลูกค้าอารมณ์เสีย

ผมเคยย้ำไปบ่อยมากกับลูกค้าที่เข้ามาปรึกษาซื้อสินค้ากับผม แต่ผมจะย้ำให้ฟังอีกครั้งครับ ลูกค้าออนไลน์ไม่ใช่คนชอบรอ จะให้เขามารอคุณตอบแชท 5-6 ชั่วโมง ผ่านไปแล้ว ฝันเถอะครับว่าจะมีใครรอ

จากประสบการณ์ตรงของผมเลยครับ ลูกค้าผมมาบอกว่า ปิดการขาย ไม่ได้พอผมเข้าไปดูคนทักเข้ามาเยอะมาก แต่แอดมินดองแชทจนหนอนขึ้น เอาที่สบายใจเลยจ้า ลูกค้าไปให้ สินค้า แบรนด์อื่นหมดแล้ว

อย่าลืมว่าสินค้าของคุณไม่ได้มีชิ้นเดียวบนโลก ที่ใครๆก็ต้องรอ เพราะความต้องการเกิดจากอารมณ์ ยิ่งคุณตอบกลับช้า ความต้องการของลูกค้ายิ่งหายไป และจากข้อที่ 1 ถ้าเขาเข้ามาด้วยความต้องการ 80 คะแนน ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ คะแนนที่มี ก็จะลดลงเรื่อยๆ ยิ่งตอบช้าเท่าไร ก็จะทำให้เรายิ่ง ปิดการขายยากขึ้นเท่านั้น

5. ไม่บอกราคา ต้อง inbox ถาม

จริงๆ แล้วสำหรับข้อนี้มีข้อดีข้อเสียต่างกันครับ การใส่ราคาสินค้าไปเลย ส่วนหนึ่งจะช่วยบิ้วความต้องการได้ตั้งแต่ต้น ให้ลูกค้าได้ตัดสินใจมาก่อนที่จะทักเลย เพราะถ้าลูกค้าทักมาแล้วนั้นแสดงว่าเขารับราคานี้ได้ แล้วพอใจที่จะซื้อแล้ว แบบนี้จะ ปิดการขาย ง่ายขึ้น

แอดมินไม่ต้องเหนื่อย แต่ถ้าไม่บอกราคาสินค้า ก็จะมีข้อเสียอยู่นิดหน่อย คือถ้าเค้าทักเข้ามาแล้วรู้ราคาทีหลัง แล้วสู้ไม่ไหว อันนี้คือเราต้องออกแรงลากเค้าไปให้ถึง 100 ละ

สำหรับผม ผมแนะนำแบบนี้ครับ ถ้าสินค้าคุณไม่ใช่สินค้าที่ต้องปิดบังคู่แข่งอะไร เปิดราคาแล้วไม่ทำให้ Marketing ของคุณสั่นคลอน ก็ใส่ราคาไว้เลยครับ แต่ถ้าคุณเลือกแล้วว่าจะไม่ใส่ราคาในโฆษณาของคุณ คุณต้องทำให้โฆษณาของคุณ บิ้วลูกค้าให้ได้มากกว่า 80% ครับ และมีโอกาศสูง

การตลาดออนไลน์ขาดไม่ได้เลยคือการโฆษณาสินค้า
ลองนำวิธีที่ผมแนะนำไปปรับใช้กับโฆษณาของคุณดูครับ