ปี 2020 เป็นปีที่จะเข้าสู่ยุคที่ผู้บริโภคหันไปให้ความสนใจเฉพาะแบรนด์สินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเองเท่านั้น จึงเป็นเรื่องท้าทายอย่างมากต่อบรรดาเจ้าของธุรกิจ ที่ต้องสร้างอารมณ์ร่วม เคารพ และอยู่ข้างผู้บริโภคมากให้ที่สุด และในปี 2020 เทรนด์ผู้บริโภคที่ผมมองว่าเจ้าของธุรกิจ ควรเกาะติดไว้คือ 3 เทรนด์นี้ครับ
1. ชีวิตติดเน็ต ปี 2020 อัตราการใช้อินเตอร์เน็ตจะเพิ่มขึ้นถึง 85%
พูดได้เลยว่าทุกวันนี้ไม่มีคนไม่เล่นเน็ต ทุก ๆปีสถิติการใช้อินเตอร์เน็ตมีอัตราเพิ่มขึ้นตลอด และในปี 2020 จากสถิติที่ทาง Global digital report เก็บรวมรวมไว้พบว่าประชากรคนไทยจะเล่นอินเตอร์เน็ตสูงขึ้นถึง 85 % จากปี 2017 ที่มีผู้ใช้งานเพียงแค่ 67% และปี 2018-2019 มีผู้ใช้งาน 82% เท่านั้น ค่าเฉลี่ยการใช้อินเตอร์เน็ตในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง และที่สำคัญกลุ่มคนที่จะเล่นอินเตอร์เพิ่มขึ้นในปีหน้าอย่างผู้สูงอายุก็จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเหมือนกัน ซึ่งผมคาดว่าในปี 2020 หลายธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก หรือบริษัทมหาชนใหญ่ จะลงมาเล่นในตลาดออนไลน์มากขึ้นการแข่งขันในตลาดออนไลน์ปีนี้ถือว่าเป็นอีกปีที่น่าจับตามองเลยครับ
2. สูงวัยแต่ใจออนไลน์
ไม่ใช่แค่กลุ่ม Gen y หรือ Gen z อีกต่อไปที่เล่นอินเตอร์เน็ตมากขึ้น แต่กลุ่มผู้สูงวัยที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไปก็มีอัตราการใช้อินเตอร์เน็ตสูงขึ้นเป็นเท่าตัวในในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเหมือนกันครับ เดี๋ยวนี้พ่อแม่ ปู่ย่าเรามีสมาร์ทโฟนใช้กันทุกคน จากเมื่อก่อนนี้เวลาจะซื้อของต้องให้ลูกหลานคอยพาไปที่ห้างสรรพสินค้า แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว เพราะผู้สูงอายุใช้อินเตอร์เน็ตเป็น และที่สำคัญนะมักมีการจับจ่ายซื้อของไปด้วย
ผู้สูงวัยเริ่มเข้ามาช้อปปิ้งออนไลน์อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น และธุรกิจที่ควรเร่งปรับตัวอย่างธุรกิจผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ โปรตีนแคปซูล ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เครื่องดื่มบำรุงร่างกาย ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต้องปรับตัวให้ทัน กับพฤติกรรมผู้สูงวัย หากคุณมีโอกาส ผมแนะนำให้ลองจับสินค้าของคุณเข้าสู่ E-Commerce ดูครับ มันมีโอกาสจะเติบโตได้สูงขึ้น เพราะตอบโจทย์ลูกค้าในกลุ่มสูงวัยที่ชื่นชอบบริการซื้อและส่งให้ถึงบ้านทันที
3. อยากกินต้องได้กิน จานด่วนส่งถึงที่
เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่มักใจร้อน ไม่ชอบการรอคอย และที่สำคัญมนุษย์ มีพฤติกรรม Lazy Economy อยู่ในตัวแทบทุกคน ชื่นชอบอะไรที่บริการถึงที อีกข้อหนึ่งคือ พฤติกรรมคนเมืองที่ไม่ชอบการทำอาหารทานเอง แต่ก็ไม่อยากออกไปข้างนอก เพราะร้อนบ้างล่ะ เบื่อฝนตก รถติดบ้างล่ะ ทำให้ทุกวันนี้ธุรกิจ Food Delivery ก้าวกระโดดจนน่าตกใจมาก เห็นแบบนี้ก็ไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะครับว่าในปีหน้า ธุรกิจนี้จะเติบโตได้อีกมากแค่ไหน เพราะนี่ถือเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของธุรกิจนี้เท่านั้นเองครับ
ตลาด Delivery ทุกวันนี้เติบโตขึ้นมากจริงๆ ครับ สังเกตได้เลยว่าร้านส่วนใหญ่เข้าร่วมการทำ Food Delivery กันแทบทั้งนั้น หากคุณได้ลองศึกษาเรื่องนี้จริงจัง จะเห็นเลยว่า แม้แต่ร้านเล็กไม่มีหน้าร้าน อยู่ในทำเลไม่ดีต่างสามารถเพิ่มยอดขายจากการเข้าร่วม Food Delivery ได้มากทีเดียว
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ คิดว่ามันไม่คุ้ม เพราะเราต้องจ่ายค่าบริการให้บริษัท Food Delivery เหล่านั้นด้วย แต่ลองคิดตามเล่นๆ ดูว่า หากคุณขายกาแฟหน้าร้านได้ 50,000 บาทต่อวัน บางวันเจอลูกค้านั่งแช่ บางวันฝน ตกลูกค้าไม่ออกมาซื้อกาแฟคุณ ขายให้ตายสุดท้ายก็ได้แค่ 50,000 บาท แต่ถ้าคุณมีธุรกิจ Delivery แน่นอนเลยว่าคุณจะมีรายได้มากขึ้นจากยอดขาย 2 ทาง ทั้งหน้าร้าน และ Delivery แม้คุณอาจจะต้องแบ่ง % แต่สุดท้ายคุณก็ยังได้กำไรมากขึ้นกว่าเดิม เท่านี้คุณก็สามารถตอบสนองความต้องการอยากกินต้องได้กินของลูกค้าได้แล้ว
ซึ่งบทความนี้ผมได้สรุปอัตราค่าบริการของบริษัท Food Delivery มาเป็นข้อมูลให้คุณได้ใช้ในการตัดสินใจเพิ่มเติม ดังนี้ครับ
สรุปแล้วเทรนพฤติกรรมทั้ง 3 ข้อที่ผมยกมาพูดในบทความนี้มันทำให้เห็นว่า ในปี 2020 นี้สิ่งที่เรามองข้ามไม่ได้เลยก็คือการเติบโตของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน และพฤติกรรมที่ทำให้ลูกค้าไม่อยากออกจากบ้านมากขึ้น เราในฐานะคนทำธุรกิจ จะมีวิธีรับมืออย่างไรบ้าง เพื่อที่จะทำให้สินค้าของเราได้ไปถึงมือลูกค้าในเวลาที่เขาต้องการ และอีกเรื่องที่สำคัญคือ การติดตามพฤติกรรมของลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพราะผมเชื่อว่าการทำการตลาดออนไลน์ในปีนี้จะแตกต่างจากปีที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง เตรียมตัวคุณให้พร้อมก่อนสู้ศึกออนไลน์ในปี 2020 นี้ ติดตามข่าวสารการอัพเดตเทรนทางการตลาดได้ที่ ADSIDEA อัพเดตทุกข่าวสารด้าน Digital Marketing ที่คุณควรรู้
อ้างอิง:
• www.brandbuffet.in.th
• www.marketingoops.com/digital-life/food-delivery-apps/
เว็บไซต์ : https://www.adsidea.net
Facebook: Adsidea ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์สร้างยอดขายง่ายนิดเดียว
095-6351606
ติดต่อเรา