โลกในปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนไปมากมายมีเทคโนโลยีหลากหลายชนิดเข้ามาแทนที่ พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป รักความสะดวกสบายมากขึ้นและเวลาถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา มันจึงทำให้เกิด เศรษฐกิจขี้เกียจ (Lazy Economy) ขึ้นมาครับ และตอนนี้การที่จะทำการตลาดแบบเดิมมันคงจะใช้ไม่ได้ผลกับคนในยุคที่มีความขี้เกียจเพิ่มขึ้นอีกต่อไป มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่ธุรกิจของคุณจะต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อให้รองรับกับพฤติกรรมความขี้เกียจของมนุษย์และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าของแบรนด์มากขึ้น
รู้ทัน 5 พฤติกรรมของมนุษย์จอมขี้เกียจ (Lazy Economy)
ผมได้ศึกษาข้อมูลจากบทความที่ CMMU ได้เขียนไว้ เขาบอกว่าพฤติกรรมความขี้เกียจของมนุษย์ ถ้าแบ่งแบบจริงจังจะแบ่งได้ 5 กลุ่มดังนี้
1.กลุ่มอยากดูดี แต่ไม่มีแรง หรือว่ากลุ่มที่อยากมีหุ่นดี หุ่นสวย เพอร์เฟค อยากมีกล้าม แต่ก็ขี้เกียจออกกำลังกาย กลุ่มนี้ถือว่ามีสัดส่วนที่เยอะมาก ๆ เลยนะครับในเมืองไทย และผมเองก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเหมือนกัน เหตุผลที่คนส่วนใหญ่อยากดูดี แต่ไม่อยากออกกำลังกาย ก็เพราะว่าไม่มีแรงจูงใจในการออกกำลังกายครับ ออกแต่แบบเดิม ๆ ทุกวัน ที่เดิมตลอดและไม่มีเวลาด้วย ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยอยากพักผ่อน ผมว่าถ้ามีธุรกิจที่แปลกใหม่ ทำให้อยากออกกำลังกาย รู้สึกสนุกที่ได้ทำ ก็ดูน่าสนใจน่าสนุกสำหรับคนขี้เกียจกลุ่มนี้ไม่น้อยเลยนะครับ
2. กลุ่มชอบช้อป แต่ไม่ชอบรอ หรือคนขี้เกียจต่อคิวซื้อของ อันดับสองเป็นไปอย่างที่ผมคลาดไว้เลยครับ เดี๋ยวนี้คนหันไปซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นครับ เพราะทั้งสะดวกสบายไม่ต้องเสียเวลาเดินทางฝ่ารถติด อีกอย่างไปต้องเมื่อยมือหิ้วของกลับมาบ้านเอง นอนเฉย ๆ อยู่บ้านก็ได้สินค้าที่ต้องการมาส่งถึงหน้าประตูบ้านแล้ว
3.กลุ่มบ้านรก สกปรกค่อยทำ หรือคนขี้เกียจทำความสะอาดบ้าน ในหนึ่งสัปดาห์สำหรับมนุษย์เงินเดือนบางคนทำงานไปแล้ว 6 วัน ได้หยุด 1 วัน ในวันหยุดพวกเขาก็ไม่ค่อยมีแรงจูงใจอยากทำอะไรสักเท่าไรหรอกครับ รวมถึงตัวผมด้วย หลังจากที่ทำงานเหนื่อยล้ามาทั้งอาทิตย์ในวันหยุดก็อยากขอนอนเฉย ๆ ดีกว่า แต่ถ้ามีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยทำความสะอาดบ้านได้ ก็น่าจะเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับคนกลุ่มนี้เลยนะครับ
4.กลุ่มไม่ชอบอ่าน แค่ผ่าน ๆ ก็พอ หรือกลุ่มขี้เกียจอ่านหนังสือ คนไทยจัดอยู่ในกลุ่มที่อ่านหนังสือน้อยครับ เป็นพวกเห็นตัวหนังสือเยอะ ๆ แล้วขี้เกียจอ่าน ยิ่งเรื่องไหนเป็นเรื่องที่อ่านแล้วเครียดพวกเขาพร้อมปัดทิ้งทันที แต่ถ้ามีแอพที่สามารถช่วยอ่านได้ หรือเป็นคลิปวิดีโอที่อ่านเรื่องนั้นให้พวกเขาฟังก็จะสร้างความสะดวกสบาย และถูกใจคนกลุ่มนี้ได้ไม่ยากเลยครับ
5.กลุ่มชอบกิน แต่ไม่อินทำอาหาร หรือกลุ่มขี้เกียจทำอาหาร ประเทศไทยเป็นประเทศที่อาหารอร่อยนะครับ เดินไปทางไหนก็มีแต่ร้านอาหารเต็มไปหมดและคนไทยเองก็เป็นพวกชอบกินด้วยเช่นกัน แต่ช่วยใหญ่จะแค่ชอบกินเฉย ๆ ครับ จะให้มาทำอาหารกินเองบอกเลยว่าไม่รอด เพราะกว่าจะทำอาหารแต่ละจานต้องใช้ความพิถีพิถัน ใส่นั้นเติมนี่หน่อยกว่าจะออกมาอร่อยและไม่ใช่ทุกคนที่จะทำอาหารอร่อยนะครับ ดังนั้นการสั่งอาหารสำเร็จรูปมาทานจึงเป็นวิธีที่ง่ายและช่วยประหยัดเวลามากกว่า
ซึ่งทั้ง 5 กลุ่มนี้หากธุรกิจของคุณสามารถเจาะลึกพฤติกรรมลงไปอีก แล้วจับจุดได้ถูก มันจะมีธุรกิจที่ตอบสนองลูกค้ากลุ่มนี้ได้เต็ม ๆ อยู่ครับ ผมบอกได้เลยว่า 5 ธุรกิจนี้ได้เปรียบไปเต็ม ๆ
1.ไม่มีเขา เราทำให้นะ : ธุรกิจแบบ On-demand service เป็นบริการที่ตอบโจทย์กับกลุ่มคนประเภทที่ขี้เกียจรอ ขี้กียจต่อคิว ไม่อยากเสียเวลากับอะไรพวกนี้และคนกลุ่มนี้ก็จะยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับเวลาที่พวกเขาไม่ต้องเสียไป ธุรกิจที่เราจะเห็นกันบ่อย ๆ อย่างเช่น Food delivery, Home service หรือ Grocery delivery
2.คุณอยู่เฉย ๆ เดี๋ยวทำให้เอง : สินค้าประเภท Automation & Hands-free ก็อย่างเช่น ไอโรบอทหรือหุ่นยนต์ช่วยทำความสะอาดหรือร้านค้าที่เป็น Automate Store ที่ไม่ต้องมีแคชเชียร์ประจำ Lazy Holder หรือที่จับต่าง ๆ แบบคล้องคอ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเมื่อยมือเพื่อถือเอง เป็นต้นครับ
3.รออยู่ตรงนี้ถ้าเธอต้องการ : เป็นธุรกิจที่ทุกคนก็ใช้ในชีวิตประจำและเจอได้ในร้านสะดวกซื้อหรือในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ จะเป็นพวกสินค้าที่พร้อมกินพร้อมดื่ม Ready to cook, Ready to eat, Ready to use อะไรพวกนี้ครับ ซึ่งเอาจริง ๆ ตัวผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้บริการพวกนี้อยู่เหมือนกันเวลาขี้เกียจทำอาหารเอง ก็จะไปซื้ออาหารสำเร็จรูปจากเซเว่นใกล้บ้าน หรือซื้อมาเก็บไว้ในตู้เย็นที่บ้านถ้าหิวก็แค่เอาเข้าไมโครเวฟไม่กี่นาทีก็ได้กินแล้ว สะดวกสบายมาก ๆ เลยครับ
4.better together : การสร้าง community เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ได้ทำอะไรร่วมกันช่วยกันทำ จะเป็นแรงจูงใจให้คนขี้เกียจได้เป็นอย่างดี ซึ่ง community พวกนี้มักจะมาในรูปแบบออนไลน์ครับ
5.ฟังเพลิน ๆ ได้ learn แบบไม่ต้องอ่าน : อย่างเช่น Podcast, Short Content, Video content ต่าง ๆ ที่เรามักจะเห็นในยูทูปอาจจะเป็น How to สอนอะไรสักอย่าง หรือบอกวิธีการไปเที่ยวไหนสักที่ โดยที่เราไม่ต้องไปเปิดอ่านหาข้อมูลเอง แต่พวกเขาจะเป็นตัวกลางในการอ่านให้เราฟัง ซึ่งผมว่าแบบนี้มันดีนะครับบางครั้งการฟังมันเป็นการช่วยจำหรือสามารถเข้าใจได้ง่ายกว่าการอ่านเองซะอีก
ผมว่าทุกคนมีความขี้เกียจอยู่ในตัวครับ มีมากมีน้อยก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลไป ผมเองก็เช่นกัน แบบวันไหนที่ผมกลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย ๆ ผมก็ไม่อยากออกไปไหนแล้วครับ ถ้าหิวผมก็มักจะสั่ง food panda หรือว่า grab มาส่งอาหารให้แทน ดังนั้นตอนนี้ธุรกิจจะต้องเปิดใจและปรับตัวได้แล้วนะครับ หากไม่ยอมปรับในวันข้างหน้าธุรกิจของคุณอาจจะไม่ได้ไปต่อในเส้นทางนี้ แล้วในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของธุรกิจ คุณคิดว่าตอนนี้คุณควรจะต้องปรับตัวได้แล้วหรือยัง ? บทความหน้าผมจะมาเผยถึงกลยุทธ์ที่สามารถมัดใจเหล่ามนุษย์ขี้เกียจให้ได้อยู่มัด
อ่านต่อกับเรื่อง เทคนิคโกยเงินจากมนุษย์ขี้เกียจ ด้วยกลยุทธ์ “SLOTH Strategy”
ติดตามได้ที่ ADSIDEA
ติดตามเรื่องราวของการตลาดออนไลน์ได้ในช่องทางต่อไปนี้
Web site : https://www.adsidea.net
Facebook : Adsidea ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ สร้างยอดขายง่ายนิดเดียว
Line : http://line.me/ti/p/%40adsidea
ขอบคุณข้อมูลจาก www.marketingoops.com