10 สาเหตุ ที่ทำให้ตัวแทนของคุณ หมดไฟ

1. ขาดการปลูกฝัง MINDSET ที่ดีตั้งแต่แรก

บางครั้งการที่ปล่อยให้ตัวแทนเข้ามาด้วยคำโฆษณาแบบ งง ๆ และ ไม่ค่อย ได้รับความรู้จักกับเรื่องกฏระเบียบของแบรนด์ ความรู้ในสินค้า และการปรับความรู้พื้นฐาน ทัศนคติต่ออาชีพ อย่างเป็นระบบเป็นขั้นเป็นตอน วิธีการนี้แก้ง่ายมากครับ เพียงแค่คุณต้องมีคลิปวีดีโอ สำหรับปฐมนิเทศตัวแทนใหม่ เพื่อทำความเข้าใจกันตั้งแต่แรก

ใครสมัครมาใหม่ ให้เข้ามาศึกษาจากคลิปเหล่านี้ได้เลยจะดีมาก เพื่อทำความเข้าใจตรงกันตั้งแต่แรก หากแบรนด์เอาใจใส่สักนิด จะให้ทำแบบทดสอบเพื่อเช็คความเข้าใจด้วยก็ได้

2. แบรนด์โฆษณาสร้างความคาดหวังมากเกินไป
การการันตี ว่าขายหมดชัวร์ขายได้ชัวร์ ยอดขายคนละหลายแสนหลายล้าน

แต่จริง ๆ แล้ว จะขายได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล เป็นหลักจริง ๆ เพราะต่อให้แบรนด์ดังและปังมากแค่ไหน ทำการตลาดมหาศาลเพียงใด เค้าก็จะบอกว่า “ขายไม่ได้” บอกว่าตัวแทนเยอะ คนขายเยอะ โน่นนี่นั่นสารพัดข้ออ้าง … จริง ๆ แล้วสุดท้ายมันขึ้นอยู่กับ “ผู้ขาย” นั่นล่ะครับ ว่าคุณพยายามมากพอหรือยัง
.
หากแบรนด์โฆษณาออกไปแล้ว ต้องรับผิดชอบคำพูดเหล่านั้นด้วย ดังนั้นต้องมีกระบวนการทำให้คนที่เข้ามาแล้วเค้าได้รับตามสิ่งที่เราโฆษณาไว้ จำเป็นต้องมีแผนเตรียมรองรับเรื่องนี้ไว้แล้ว

3. ขาดแม่ทีมคุณภาพ
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ระบบตัวแทนจำหน่ายคือการทำงานเป็นทีมเวิร์ค
.
การมีผู้นำดูแลอย่างใกล้ชิด ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้น ผู้นำของคุณต้อง สร้างทีมเป็น บริหารทีมเป็น และ ขยายทีมให้เป็น
.
ขายเก่งอย่างเดียวไม่พอนะครับ ต้องเก่งคนด้วยแบรนด์ถึงจะโต

4. ทักษณะการ Motivate ของเจ้าของแบรนด์

ผมเคยคุยกับเจ้าของแบรนด์ที่ธุรกิจ เติบโตเท่าๆ กัน แต่ งบประมาณทางการตลาดต่างกันราวฟ้ากับเหว แบรนด์แรกอัดการตลาดอย่างหนัก แต่เจ้าของแบรนด์สื่อสารไม่เป็น

อีกแบรนด์การตลาดทำน้อยกว่าแบรนด์แรกเยอะมาก
แต่การสื่อสารดีเยี่ยมทั้งเจ้าของแบรนด์และแม่ทีม เต็มไปด้วยพลังพวก ดึงดูดคนที่ดี ๆ มีไฟในการทำงาน เข้ามาได้เยอะมาก

ให้จำไว้เลย ว่าหากเราเป็นเจ้าของแบรนด์ จงเป็นคนแบบที่เราอย่างได้มาเป็นตัวแทนก่อน เพราะกฏแรงดึงดูดคน คือ เราจะสามารถดึงดูดสิ่งที่เหมือนกัน เข้ามาหากันได้

5. แบรนด์ทำน้อยกว่าพูด

การให้ความหวังมากไปไม่ดี บางเรื่อง ต้องพูดเพื่อบิ้วตัวแทน แล้วค่อยไปทำ แต่บางเรื่องเก็บไว้เซอร์ไพรส์บ้างก็ได้ คือ ไปทำมาก่อนแล้วค่อยพูด จะได้เกิดความว๊าวบ้าง คนย่อมรักเราเมื่อเราทำให้เค้ารู้สึกเหนือความคาดหมาย

แบรนด์บอกว่าจะอัดงบการตลาด จะเทรนนิ่ง จะทำให้ตัวแทนแต่ละคนมีรายได้หลักแสนหลักล้าน ก็ต้องทำให้เค้าเห็นว่าเรามีกระบวนการทำให้เค้าได้จริง ๆ

6. สร้างนิสัย การโยน Order มาเกินไป

เรื่องนี้อันตรายมากครับ ถ้าคุณทำการตลาดเพิ่มยอดขายให้ตัวแทนแบบที่เรียกว่า “เราจะโยนออร์เดอร์รัวๆให้คุณ”

คุณก็จะได้ตัวแทนที่รอแต่รับออเดอร์รัวๆ เหมือนกัน ประเด็นคือ
ไม่ใช่ว่าไม่ให้โยนนะครับ แต่อย่าให้เค้าคาดหวังแต่การรอรับออเดอร์เท่านั้นเอง

ให้ความรู้ให้วิธีการจะดีกว่า เค้าจะได้ความรู้ไปใช้หากินติดตัวไม่มีวันหมด ต่อให้เราไม่โยนออเดอร์ให้เค้า ก็สามารถขายสินค้าออกได้ตลอด

7. เข้ามาด้วยผลประโยชน์ ไม่ได้อินกับสินค้า

บางคนเข้ามาเพราะกระแสเห็นว่าแบรนด์ปัง ไม่ได้อินกับสินค้า

ถามตัวแทนถึงสินค้าว่าเค้าเคยใช้ไหม “โอ้ยไม่ใช้หรอก สินค้าไม่ดี ที่ขายเพราะกระแสดีขายง่าย” อ่าว ยังไม่อินกับสินค้าเลย แล้วขายทำไมล่ะ? ก็กระแสกำลังมา น้ำขึ้นให้รีบตัก … แล้วถ้ากระแสดร็อปล่ะ … “ก็ไปขายแบรนด์อื่นสิ” …แป่ววววว

8. รู้สึกน้อยหน้าแบรนด์อื่น

แบรนด์อื่นทำการตลาดโครมๆอัดงบการตลาดหลักล้าน ถ้าเราเล่นใหญ่กว่าด้านนี้ไม่ได้ให้เสริมจุดแข็งในด้านอื่น อย่าให้ตัวแทนรู้สึกว่าแบรนด์ไม่ทำหรือทำสู้เค้าไม่ได้

พยายามทำให้ตัวแทนรู้สึกภูมิใจ ว่าแบรนด์เราก็เจ๋งเหมือนกัน ไม่ใช้อยู่แบบน้อยเนื้อต่ำใจ

การเทรนให้ความรู้เหมือนกัน ถ้าแบรนด์อื่นเทรนกันโครมๆ ถ้าเป็นสงคราม คือเราไม่ได้ฝึกนักรบของเราเลย
เค้าก็ออกไปรบแล้วแพ้กลับมา
เพราะฉะนั้นต้องจัดหาอาวุธ เพิ่มทักษะ ให้เค้าพร้อมมาก ๆ ก่อนออกไปสู้รบ

เรื่องนี้ทั้งแบรนด์และตัวแทนจำหน่ายต้องทำให้ตัวแทนย่อยของเรา เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานและสร้างแรงผลักดันให้เค้ามีไฟในการขายสินค้า

9. รู้สึกถูกลดความสำคัญ

ข้อนี้แทบจะเป็นเรื่องเดียวของการสื่อสารของเจ้าของแบรนด์ แต่มันสำคัญมากจนต้องขอแยกประเด็นออกมา เช่น เราเคยให้ความสำคัญใครแล้ว ต้องหมั่นทำให้เค้ารู้สึกว่ายังเป็นคนสำคัญอยู่เสมอ
หมั่นเช็คสถานะความสัมพันธ์อยู่เสมอนะครับ ทุกคนอยากเป็นคนสำคัญ ไม่มีใครอยากถูกมองข้าม

10. ยิงโฆษณาแล้วเจ๊ง

บางแบรนด์ไม่มีการสอน ไม่มีการเทรนตัวแทนเรื่องยิงโฆษณาเลย
ตัวแทนก็เลยไม่ทำ บางคนไม่ทำเองแล้วขาดทุน เข็ดไปตลอดกาล และ ที่สำคัญไม่ไ่ด้แค่เข็ดอย่างเดียวนะ แต่ยังขาดทุนขั้นรุนแรง ไม่มีเงินมาสต๊อกของเลิกขาย
.
การให้ความรู้ในเรื่องยิงโฆษณา จากประสบการณ์ของ ADSIDEA แล้ว แบรนด์ต้องให้เวลากับการเรียนของตัวแทนพอสมควร เพื่อมาปรับความเข้าใจ เห็นความสำคัญ และรู้วิธีการคิดที่ถูกต้อง สร้างประสบการณ์ที่ดีในการยิงโฆษณา
.
ในอนาคต ทักษะการยิงโฆษณาจำเป็นมากในการทำให้สินค้าขายได้ หากเรายังไม่เรียนรู้ทักษะการยิงโฆษณาตอนนี้ โลกจะบังคับให้เราเรียนรู้มันอยู่ดี