หลังจากที่ผมได้นำเสนอเรื่องตลาดคนขี้เกียจไป วันนี้ผมจะขอเจาะลึกลงไปถึงเรื่องกลยุทธ์ที่ทำให้เราเข้าใจ และสามารถทำการตลาดได้ตรงกับความต้องการของเหล่าคนขี้เกียจได้มากขึ้น กลยุทธ์นี้เรียกว่า “SLOTH Strategy” นั่นเองครับ ซึ่งถ้าธุรกิจคุณเป็นธุรกิจที่กำลังต้องการที่จะจับลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ล่ะก็ บทความนี้จะเป็นประโยชน์มากเพราะอาจจะทำให้คุณรู้วิธีการที่จะเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น และเข้าใจสิ่งที่พวกเขาต้องการมากขึ้นครับ
กลยุทธ์พิชิตใจคนขี้เกียจ
กลยุทธ์ SLOTH ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการหลาย ๆ อย่างของคนในยุคที่มีเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ใจร้อนใจเร็ว ไม่ทนรออะไรนาน ๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้จะไม่ยอมเสียเวลากับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เด็ดขาด เพราะพวกเขาจะเอาเวลาเหล่านั้นไปทำในเรื่องที่สำคัญมากกว่าแทนครับ จากความต้องการต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เกิดกลยุทธ์ SLOTH 5 ข้อด้วยกัน คือ
1.Speed : รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน
อย่างที่ผมบอกไปว่าเวลาสำหรับคนขี้เกียจกลุ่มนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ พวกเขาไม่ต้องการรออะไรนาน ๆ เพราะการรออะไรนาน ๆ มันทำให้พวกเขาเสียโอกาสในการทำสิ่งอื่นที่สำคัญกว่า และยิ่งเป็นยุคดิจิทัลแบบนี้มันเลยเปลี่ยนให้ทุกคนเป็นคนเร่งรีบ ดังนั้นหากอยากทำธุรกิจให้เข้าถึงคนขี้เกียจพวกคุณจะช้าไม่ได้ ทุกอย่างต้องเร็ว ทำเร็ว ส่งเร็ว สินค้าถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น เมื่อก่อนเราจะต้องเดินทางไปไหนสักที่ก็ต้องใช้บริการแท็กซี่ใช่ไหมครับ แต่พอเรียกทีไรก็มักจะเจอกับปัญหาไม่จอดรับบ้างล่ะ ไปส่งรถบ้างล่ะ พี่ต้องไปเต็มแก๊สอะน้อง เจอแบบนี้ทั้งเสียอารมณ์แล้วก็เสียเวลาใช่ไหมครับ แต่ในปัจจุบันนี้เรามีทางเลือกมากขึ้น เพราะมีบริการ Grab ที่พร้อมให้บริการตลอดเวลาแค่ปลายนิ้วสั่ง และถ้าหากพวกเขามาไม่ทันภายใน 5 นาที ก็จะแจกส่วนลดเพื่อแทนคำขอโทษอีกด้วย ตั้งแต่ผมนั่งมาก็ยังไม่เคยเจอสักที มาเร็วตลอดเลย
2.Lean : ลด ลัด ตัด ย่อ
เหล่านักธุรกิจทั้งหลายฟังไว้นะครับ การจะทำธุรกิจให้ครองใจคนขี้เกียจเรื่องขั้นตอนการซื้อ การใช้บริการก็เป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งขั้นตอนเยอะยุ่งยากก็ไม่สามารถดึงดูดใจคนขี้เกียจได้แล้วครับ เพราะพวกเขาจะรู้สึกว่ามันยุ่งยากเสียเวลาและหันหน้าหนีทันที ดังนั้นพวกคุณต้องสร้างทางลัดให้พวกเขาเข้าถึงสินค้าของคุณให้ง่ายและเร็วที่สุด ยกตัวอย่างเช่น เมื่อก่อนการจะซื้อสินค้าออนไลน์แต่ละที ก็ต้องเข้าไปซื้อกับ web official หลักของแบรนด์ ทำให้ต้องสมัครสมาชิกยืนยันตัวตนให้วุ่นวาย บางเว็บขั้นตอนก็แสนยุ่งยากงงแสนงง ทำให้หงุดหงิดและหมดอารมณ์อยากได้เลยล่ะครับ แต่เดี๋ยวนี้มีแอพซื้อของออนไลน์ผุดขึ้นมามากมาย ที่คุ้นเคยกันดีก็คงจะเป็น Lazada กับ Shopee ซึ่งแอพพวกนี้ผมก็เข้าไปซื้อของอยู่บ่อย ๆ เพราะมันทั้งใช้ง่าย ขั้นตอนไม่เยอะแถมมีส่วนลดเพียบเลยครับ
3.EnjOy : สนุก เร้าใจ น่าค้นหา
การขาดแรงบันดาลใจเป็นสิ่งที่ทำให้คนขี้เกียจนี้ไม่อยากทำอะไรครับ ผมจะลองยกตัวอย่างในเรื่องการออกกำลังกาย เพราะหลาย ๆ คนอยากหุ่นดีครับ แต่กว่าจะได้หุ่นที่ดีมานั้นมันต้องใช้เวลานาน คนกลุ่มนี้จึงคิดว่ามันนานเกินไปและการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ + กับความขี้เกียจที่มีอยู่แล้ว พวกเขาจึงเลือกที่จะกลับมาอยู่เฉย ๆ ดีกว่า ถ้าตอนนี้คุณทำธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพอยู่ล่ะ จะเข้าถึงกลุ่มคนขี้เกียจได้อย่างไร ผมจะขอเสนอนะครับว่า พวกคุณอาจลองเปลี่ยนกิจกรรมในยิมที่แสนน่าเบื่อ ยกเหล็กหนัก ๆ วิ่งบนลู่ไปวัน ๆ กว่าจะหุ่นดีได้ต้องมาค่อยทำกิจกรรมพวกนี้ซ้ำ ๆ ทุกวัน แล้วเปลี่ยนมาเป็นการจัดคอร์สออกกำลังกายที่แปลกใหม่ ทำกิจกรรมที่ไม่ซ้ำกันตลอดทั้งคอร์ส ทำให้พวกเขารู้สึกว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องสนุกสำหรับพวกเขา แค่นี้ก็สามารถมัดใจกลุ่มคนขี้เกียจได้แล้วครับ
4.ConvenienT : สะดวก รักสบาย
กลุ่มคนขี้เกียจไม่ชอบทำอะไรที่ทำให้ชีวิตตัวเองรู้สึกยุ่งยากขึ้น ยิ่งง่าย ยิ่งสะดวกสบายยิ่งดี คนกลุ่มนี้จึงมักสรรหานวัตกรรมที่ช่วยทำให้ชีวิตของพวกเขาสะดวกสบายมากขึ้น ดังนั้นถ้าสินค้าหรือบริการไหนที่สามารถตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้ พวกเขาก็พร้อมเทใจไปหาแน่ ยกตัวอย่างเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในตอนนี้ คือเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะเราสามารถสั่งการพวกมันด้วยรีโมทและแบบ Self-drive ให้พวกมันทำงานเองโดยที่เราไม่ต้องคอยสั่งการหรือเข้าไปบังคับเอง นอกจากพวกมันจะใช้งานได้สะดวกสบายแล้ว ราคาก็แรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ถึงราคาจะแรงแค่ไหนเหล่ามนุษย์ขี้เกียจก็ยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับความสบายนี้อยู่ดีครับ
5.Happy : ความสุข
ธุรกิจของคุณต้องสามารถมอบความสุขทั้งกายและใจให้กับกลุ่มคนขี้เกียจได้ ด้วยสินค้าที่สามารถเติมเต็มและแก้ปัญหาได้ด้วยความพยายามที่น้อยที่สุด ซึ่งผมจะขอยกตัวอย่างความสุขผ่านการให้บริการของพนักงานแคชเชียร์ในห้างแล้วกันนะครับ พูดง่าย ๆ เลยคือแคชเชียร์ถือเป็นด่านสุดท้ายที่จะเจอกับลูกค้า ลูกค้าจะพอใจหรือไม่พอใจกับห้างของเราก็อยู่ที่จุดนี้แหละครับ หากบริการด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา คอยพูดคุยแนะนำโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้กับลูกค้า ทำเหมือนกับพวกเขาเป็นญาติของคุณ จากที่ลูกค้าอารมณ์เสียอาจจะกลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม และกลับมาใช้บริการของเราบ่อย ๆ ก็ได้นะครับ
กลยุทธ์ SLOTH ที่ผมเล่าให้ฟังวันนี้มันสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดให้กับธุรกิจได้หลายธุรกิจเลยนะครับ ทั้งธุรกิจการให้บริการ ธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารหรือแม้กระทั่งสินค้าจำพวกของใช้ต่าง ๆ ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมากขึ้น ทำให้ผู้คนต่างเสพติดความสะดวกสบายจนเป็นนิสัย สิ่งไหนที่ง่าย สะดวก เร็ว ใช้แล้วแฮปปี้พวกเขาต่างก็พร้อมทุ่มเงินเพื่อสนองความขี้เกียจของตัวเอง
ดังนั้นตอนนี้ในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของธุรกิจควรจะให้ความสำคัญกับกลุ่มคนขี้เกียจนี้กันได้แล้วนะครับ ต้องปรับตัวและขยายแบรนด์ของคุณให้เข้าไปใกล้ชิดหรือวนเวียนอยู่กับคนกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด สินค้าไหนที่ตอบโจทย์พวกเขาได้ก็พุ่งใส่ไปเลย แต่ไม่ใช่ยัดเยียดนะครับ แบบนั้นลูกค้าหนีแน่ๆ และตอนนี้ผมอย่างให้คุณลองเอา กลยุทธ์ SLOTH Strategy นี้ไปปรับใช้กันดูนะครับ และธุรกิจของคุณจะก้าวหน้าต่อไปได้เรื่อยๆ แน่นอนครับ
“Lazy Economy” สร้างโอกาสทางธุรกิจบนความขี้เกียจของมนุษย์
ติดตามเรื่องราวของการตลาดออนไลน์ได้ในช่องทางต่อไปนี้
Web site : https://www.adsidea.net
Facebook : Adsidea ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ สร้างยอดขายง่ายนิดเดียว
Line : http://line.me/ti/p/%40adsidea