“O2O” รับมือการเติบโตของนักช็อป Gen Z ลุยตลาดปี 2020

การตลาดแบบ O2O

         สำหรับนักการตลาดคงทราบกันดีใช่ไหมครับ ว่าช่วงที่ผ่านมาการค้าขายผ่านร้านค้าออฟไลน์ในทุกๆที่ ถูกผู้บริโภค Gen Y ซึ่งเกิดช่วงปี 2523-2543 เมิน เพราะไม่สามารถสู้ราคาและความสะดวกของอีคอมเมิร์ซได้ จนต้องพากันปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง จนคุณอาจจะมองว่าจุดจบของธุรกิจค้าปลีกออฟไลน์มาถึงแล้ว แต่ตอนนี้กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z กลับมาซื้อสินค้าผ่านตลาดออฟไลน์มากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่จะปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อครองใจเหล่า Gen Z นั่นเองครับ

                   Gen Z เป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่น่าจับตามองมาก เพราะกลุ่มนี้กำลังจะกลายเป็นเหล่านักช็อปตัวหลักของเรา ด้วยความที่คนกลุ่มนี้กำลังเข้าสู่วัยแรงงาน มีกำลังทรัพย์เพื่อใช้ในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการของเรา ดังนั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจกับพฤติกรรมและความชื่นชอบของเหล่า Gen Z เพื่อความก้าวหน้าของธุรกิจเรา

ทุบประเด็นพฤติกรรมผู้บริโภค บุกตลาด Gen Z ฐานลูกค้าที่สำคัญของแบรนด์ในอนาคต

                      

                   จากที่พูดถึงมาทั้งหมด บทความนี้ผมก็จะมาบอกถึงการตลาดแบบ “O2O” ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมครับว่าคืออะไร มันก็การตลาดแบบออนไลน์ (Online Marketing) กับการตลาดออฟไลน์ (Offline Marketing) ที่ผสมผสานกันจนเป็นการตลาดอีกรูปแบบหนึ่งนั่นเองครับ

                    ที่ผมจะพูดการตลาดแบบนี้ก็เพราะ ชาว Gen Z มีพฤติกรรมที่ชอบหาข้อมูลการซื้อสินค้าและบริการบนโลกออนไลน์ แต่จะซื้อในแบบออฟไลน์มากกว่า เนื่องจากพวกเขาสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเป็นจำนวนมาก บวกกับพฤติกรรมของ Gen Z ที่ชอบการเดินห้างเป็นพิเศษ ทำให้ก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้าต่าง ๆ จะศึกษา และหาข้อมูลสิ่งที่ต้องการจากอินเทอร์เน็ตก่อน จนมั่นใจว่าสินค้า และบริการที่ตัดสินใจซื้อนั้นดีจริง อาจจะดูแบบไซซ์ไว้ก่อน แต่สุดท้ายก็ชอบที่จะไปลองด้วยตัวเองมากกว่า

                    และจากข้อมูลพบว่า Gen Z นิยมซื้อเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องแต่งกาย จากช่องทางออฟไลน์ถึง 52% รวมทั้งในกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางถึง 70% ที่มีการซื้อผ่านออฟไลน์ พอจะเห็นไหมครับ ว่าห้างสรรพสินค้า ร้านของแบรนด์ต่างๆ ไปจนถึงตลาดนัดทั่วไป เป็นแหล่งที่นักช้อป Gen Z ไว้วางใจและไปจับจ่าย แต่ถึงอย่างนั้นการให้ข้อมูลหรือการโปรโมทสินค้าต่างๆ บนโลกออนไลน์ก็เป็นสิ่งที่ Gen Z เลือกที่จะหาข้อมูลและเชื่อก่อน ทั้งหมดนี้จึงทำให้เกิด การตลาดแบบ O2O ขึ้นนั่นเองครับ

                     ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มนำกลยุทธ์มาใช้เพื่อดึงดูดลูกค้า ผมจะยกตัวอย่าง แบรนด์แฟชั่น “ฟอร์เอเวอร์21” นะครับ ที่จัดแคมเปญให้ส่วนลด 21% เมื่อลูกค้าแชร์ภาพตนเองในชุดของแบรนด์บนอินสตาแกรมพร้อมแฮชแท็กที่กำหนด และนำมาแสดงที่แคชเชียร์ โดยตลอดแคมเปญมีการใช้แฮชแท็กกว่า 2 หมื่นครั้ง ซึ่งผมว่าแบรนด์นี้ค่อนข้างฉลาดทีเดียว เพราะแน่นอนว่าเมื่อลูกค้ามาหาเราถึงที่ เราก็มีโอกาสที่จะเชียร์ขายสินค้าได้มากขึ้น นี่แหละครับคือ การทำการตลาดแบบ O2O ที่ผมคิดว่าหลายธุรกิจควรปรับตัวได้แล้ว หากต้องการให้ปี 2020 เป็นปีทองในการขายของคุณ

      ——————————————————————-

สำหรับคนที่ไม่รู้จะเริ่มต้นหรือจะใช้กลยุทธ์ยังไงดีกับธุรกิจของตัวเองกับ การตลาดแบบ O2O เพื่อที่จะให้ได้ใจของชาว Gen Z มา ลองนำสิ่งที่ผมกำลังจะบอกไปปรับใช้กับธุรกิจคุณดูได้เลยครับ รับรองว่าจะสามารถช่วยคุณได้อย่างแน่นอน

   1.เชื่อมต่อทั้งสองช่องทางอย่างลงตัว 

        แน่นอนที่สุดว่า การทำให้ช่องทางออฟไลน์กับออนไลน์เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นเรื่องสำคัญของการปรับใช้ โมเดลธุรกิจ O2O หากเน้นออฟไลน์มากเกินไป คนที่รู้จักเราจะอยู่ในวงแคบเท่านั้น แต่ถ้าหากเน้นออนไลน์มากเกินไปจนบางทีเราลืมให้ความสำคัญกับหน้าร้านหรือออฟไลน์ ความน่าเชื่อถือของเราก็จะลดน้อยลง ดังนั้นเราควรจะปรับให้ทั้งสองไปด้วยกันได้อย่างเหมาะสมแค่นี้ธุรกิจเราก็ปัง ยอดขายก็จะเพิ่มขึ้นแน่นอน

   2.หน้าร้านเป็นจุดสำคัญ 

      อย่างที่บอกว่า O2O คือการรวมกันระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ ดังนั้น    หน้าร้านจึงเป็นจุดสำคัญที่จะสร้างความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจให้กับลูกค้า และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือพนักงานร้านต้องคอยให้ข้อมูลแนะนำลูกค้าตลอดจนการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าด้วยอีกทางหนึ่ง

   3.สื่อโซเชียลและแพลตฟอร์มสร้างตัวตน

     การสร้างตัวตนให้คนรู้จักเรามากขึ้นจากที่รู้จักในบางพื้นที่ก็จะรู้จักไปทุกพื้นที่ เราก็ต้องอาศัยสื่อโซเชียลในการเคลื่อนไหวเรื่องราวต่างๆ ที่เราอยากบอกต่อ แนะนำ หรือพูดคุยกับลูกค้า และอีกตัวสำคัญคือการสร้างตัวตนบนแพลตฟอร์มของตัวเองบนโลกออนไลน์ อาจจะเป็นเว็บไซต์ส่วนตัว เฟซบุ๊คแฟนเพจ หรือไลน์แอด ก็จะช่วยสร้างให้เรามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

     4.SEO ช่วยค้นหา

          SEO เป็นการทำการตลาดผ่านคีย์เวิร์ดที่จะช่วยให้ลูกค้าค้นหาเราได้ง่ายขึ้นจากการทำกิจกรรม หรือการโปรโมทต่างๆ ผ่าน Google search เพราะอย่างที่ผมได้บอกไปว่ากลุ่ม Gen Z มักจะหาข้อมูลก่อนซื้อสินค้าอยู่ ทำให้ผมคิดว่า การทำให้เขาเห็นได้ง่ายๆก็ถือเป็นตัวช่วยที่ดีเลย

             ดังนั้น  สิ่งสำคัญที่จะต้องเรียนรู้คือ การเชื่อมโยงลูกค้าจากโลกออนไลน์มาสู่ออฟไลน์ เข้ามาใช้ผสมผสาน เพื่อต่อยอดกับธุรกิจหน้าร้านค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสำหรับผมถือเป็นการพัฒนากลยุทธ์ที่สามารถครองใจเหล่า Gen Z ได้อย่างลงตัวมาก และการได้ใจของกลุ่มคนที่กำลังจะกลายมาเป็นลูกค้าหลักของคุณในอนาคตยังจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้อย่าง Strong!

ติดตามเรื่องราวของการตลาดออนไลน์ได้ในช่องทางต่อไปนี้
Web site : https://www.adsidea.net
Facebook : Adsidea ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ สร้างยอดขายง่ายนิดเดียว
Line : http://line.me/ti/p/%40adsidea  

อ้างอิงข้อมูล : 

บทความเรื่อง “O2O โมเดลธุรกิจ ยอดฮิตในจีน” ( www.builk.com)

​บทความเรื่อง “เจาะลึกพฤติกรรมนักช้อป Gen Z” (www.smethailandclub.com/)

บทความเรื่อง “อยากพิชิตใจ ‘นักช้อป GEN Z’ ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ต้องเข้าใจตัวตนที่ ‘แตกต่างแบบมีสไตล์’”(www.salika.co)

บทความเรื่อง ““Gen-Z” ปลุกค้าปลีกมะกัน วัยรุ่นเมินอีคอมเมิร์ซ แห่ช็อปห้าง” (www.prachachat.net)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า